ชีวิตหนุ่มที่เคยเสเพลและกลับใจเป็นคนดี

ชีวิต เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล แล้วแต่ว่าใครจะนำพามันไปทางไหน ชีวิตของผมผมเป็นผู้กุมพวงมาลัย บังคับไปซ้ายมันก็จะไปซ้าย บังคับให้ไปขวามันก็จะไปทางขวา ไม่มีใครสามารถมาสั่งผมได้แม้แต่คนเดียว ถึงแม้ GPRS จะร้องเตือนว่าผมกำลังไปผิดทางแต่ผมก็ไม่สนใจ เพราะผมอยากจะไปตามทางที่ผมอยากไป…

อดีตผมเคยเป็นคนที่สังคมเรียกว่า “ เด็กเสเพล” คนหนึ่ง ตีรันฟันแทง ชกต่อย ทะเลาะวิวาท เสพยาม้า ดูดกัญชา ดมกาว เรื่องชั่วๆ ผมทำมาหมด เขาว่าการเกิดมาเป็นคนมันเป็นเรื่องยากยิ่ง ถ้าอย่างงั้นเราก็ทำแต่เรื่องที่เราอยากทำดีกว่าไหม ?ของพวกนี้มันทำให้ผมมีความสุข มันให้จิตผมหลุดออกไปอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่ผมไม่อาจหาได้ในชีวิตจริง ผมทำตัวเสเพลตั้งแต่ชั้น ม.3 คบแต่เพื่อนที่ชวนกันเสพยาบ้า ดูดกัญชา ดมกาว จนทุกอย่างมันเริ่มเลวร้ายลงมาก เลวร้ายขนาดทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง แรงมากจนตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ในตอนนั้นมีเงินติดตัวไปแค่ 1,000 บาท ไม่คิดอะไรคิดเอาแค่ว่าเดี๋ยวไปหาเอาข้างหน้า จึงได้ไปอาศัยอยู่กับเพื่อนแถวๆ เดอะมอลล์บางกะปิ พยายามหางานทำจะได้มีเงิน แต่เดินจนขาเปลี้ยก็ไม่ได้งาน เพราะเขาก็ไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากมันผิดกฎหมายในข้อหาใช้แรงงานเด็ก ซึ่งตอนนั้นผมอายุแค่ 16 ปี จนสุดท้ายเงินหมดไม่มีเงินแม้กระทั่งจะกินข้าว เพื่อนก็ไม่มี ในขณะที่ผมกำลังจะอดตาย พ่อของผมก็อดเหมือนกัน เนื่องจากทุกข์ใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พ่อพยายามติดต่อสอบถามจากเพื่อนทุกคนที่รู้จักผม จนสามารถติดต่อมาทางเพื่อนผมได้ พ่อก็รีบเดินทางขึ้นมาจากบ้านนอก การพบกันครั้งนั้น พ่อไม่พูดอะไรหากแต่ยื่นอาหาร คือ ข้าวเหนียวกับไก่ย่างที่ท่านตั้งใจเอามาฝาก มันเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ตรงคอ ผมได้แต่จ้วงอาหารเข้าปากพร้อมน้ำตา ในวันนั้นเองที่ผมตัดสินใจว่าต่อไปนี้พวกยานรก เราต้องเลิกให้หมด ต่อยตีไม่เอาอีกแล้ว จะตั้งใจเรียนเป็นคนดีของสังคม เป็นลูกที่ดีของพ่อ แม้ผมจะทำตัวเลวชั่วขนาดไหน แต่พ่อก็ไม่เคยทอดทิ้ง ถ้าผมไม่กลับใจผมจะทำร้ายจิตใจพ่อไปอีกมากขนาดไหน ตั้งแต่วันนั้นมาพอกลับบ้านนอกผลเลิกคบเพื่อนเสเพลโดยเด็ดขาด ผมตั้งใจเรียน รีบกลับบ้าน ตอนนี้ผมอายุได้ 25 ปีแล้วแต่เหตุการณ์เหล่านั้นผมไม่เคยลืม เพื่อเตือนตนไม่ให้หลงเดินทางผิดอีก